หลวงไก่-เจี๊ยบ

หลวงไก่ เป็นนักร้องลูกทุ่ง สไตล์ที่เรียกว่าลูกทุ่งเพื่อชีวิตสำเนียงใต้ ที่มีผลงานเพลงออกมาแล้ว 2 ชุด และได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงเป็นอย่างดี

หลวงไก่ มีชื่อจริงว่า สมพงษ์ จิตรเที่ยง มีชื่อเล่นว่า ไก่ เกิดเมื่อ 29 พ.ย. ที่จังหวัดตรังจบการศึกษาระดับประถมที่ โรงเรียนบ้านสุโสะ จังหวัดตรัง ระดับมัธยมที่ โรงเรียนปะเหลียนผดุงศิษย์ ระดับปวช.เรียนที่ ช่างอุตสาหกรรมหาดใหญ่ก่อนจะย้ายไปเรียนต่อที่เทคนิคตรัง จากนั้นก็เรียนต่อระดับ ปวส.แต่เรียนไม่จบ เพราะสนใจดนตรีมากกว่าการเรียน

หลวงไก่เล่นดนตรีมาตั้งแต่สมัยเรียนชั้น ม.1 โดยเริ่มจากการเป็นนักร้องนำของโรงเรียน พอขึ้นชั้น ม.3 ก็เริ่มเล่นคีย์บอร์ด พอมาเรียนที่เทคนิคตรัง ก็ไปเล่นดนตรีตามร้านอาหาร เนื่องจากฐานะทางบ้านไม่ค่อยดี ก็เลยยึดอาชีพร้องเพลงเล่นดนตรีเพื่อหาเงินส่งตัวเองเรียน ช่วงนั้นเขาเป็นมือกลอง เวลาเล่นก็ตีกลองร้องเพลงไปด้วย เขาเล่นดนตรีอยู่ที่จังหวัดตรังประมาณ 3 ปี ก็เริ่มออกไปเล่นต่างจังหวัด เริ่มที่เกาะสมุย นครศรีธรรมราช สุราษฏร์ธานี ฯลฯ เขาไปเล่นเกือบทุกผับทั่วภาคใต้ เพราะคิดว่าต้องการหาเงินก่อน แล้วค่อยเรียนที่หลัง ก็เลยทำให้เรียน ปวส.ได้แค่ปีเดียว ก็หยุดไป

ในปี 2540 เอกชัย ศรีวิชัยได้ตั้งวงดนตรีศรีวิชัย เขาก็ได้มาตีกลองให้กับวง ซึ่งเอกชัยและครอบครัวก็รักและดูแลเขาเป็นอย่างดี เอกชัยก็เลยผูกแขนรับเขาเป็นน้องบุญธรรม และไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด เลยได้คลุกคลีกับวงการเพลง ได้เห็นเบื้องหน้าเบื้องหลังการทำงาน

ช่วงนั้นเขาได้ร้องเพลงช่วงโหมโรงเรียกคนดูเข้าชม โดยเขาร้องเพลงแนวเพื่อชีวิต และสตริง ขณะที่วงของเอกชัยเป็นลูกทุ่ง แต่ก็ปรากฏว่าเขาเรียกผุ้ชมกลุ่มวัยรุ่นเข้ามาดูได้มาก เอกชัยก็เลยให้ร้องสตริงมาตลอด ทั้งเพื่อดึงคนดูกลุ่มวัยรุ่น และให้วัยรุ่นได้รู้จักกับศิลปวัฒนธรรมแบบปักษ์ใต้

 

เจี๊ยบ เบญจพร

ชื่อจริง : เบ็ญจมาศ อุ้ยอ้ำ 

ชื่อศิลปิน : เจี๊ยบ เบญจพร หรือ เจี๊ยบ เบญจา 

เกิดเมื่อ: 3 พฤศจิกายน 

เป็นคนบ้านดอน จ.สุราษฎร์ธานี 

ชื่อบิดา : นายประจวบ วงศ์วิชา (นักแต่งเพลง )

(เจ้าของเพลง “ทหารใหม่ไปกอง” ที่โด่งดังมากๆ ขับร้องโดย ยอดรัก สลักใจ ) 

ข้อมูลเพลง ทหารใหม่ไปกอง

http://www.whatgroupthai.com/whathifi/281/music.html

ฟังเพลง ทหารใหม่ไปกอง (ยอดรัก สลักใจ)

http://www.youtube.com/watch?v=W4QYnBw93t8

มารดา : นางรัชนี อุ้ยอ้ำ

มีพี่น้อง 2 คน 

เป็นคนที่ 1

ที่อยู่ปัจจุบัน 119 / 24 – 25 ซ. ท่าข้าม 20 แสมคำ บางขุนเทียน กทม. 10150

ชอบสี แดง , ฟ้า , ขาว , ชมพู

งานอดิเรก เสี้ยงสัตว์ , ปลูกต้นไม้

ปัจจุบันทำอาชีพ ค้าขาย

ปกติแต่งกายอย่างไร : สบาย ๆ

ผู้ชักนำเข้าสู่วงการ : พี่เอกชัย ศรีวิชัย , คุณพ่อ

ความประทับใจ : เคยร่วมงานกับพี่เอกชัย รวมถึงการเดินสายคอนเสิร์ตด้วย

กลัวที่สุด : คนโกหก หักหลัง ใส่ร้าย

เกลียดที่สุด : งู

รักที่สุด : ทะเล 

ชอบที่สุด : พี่โน๊ต อุดม แต้พานิช

คติประจำใจ : ทำดี และ จริงใจ อยู่ที่ไหนก็เจริญ

...เดิมพ่อมีอาชีพช่างตัดผม แม่เป็นช่างตัดเย็บเสื้อผ้า พ่ออายุมากกว่าแม่ถึง 13 ปี เป็นคนไม่หล่อ และปากแหว่ง แต่ทำงานเก่งมาก ตอนที่แม่ท้องเจี๊ยบ เบญจพรได้ 7 เดือน ก็เกิดตกเลือดอย่างหนัก หมอแนะนำให้ทำแท้ง เพราะถ้าอยู่จนถึงคลอด เด็กอาจจะพิการได้ แต่พ่อไม่ยอมให้ทำแท้ง แต่เมื่อคลอด ออกมา เธอกลับตัวใหญ่มาก หนักถึง 4,200 กรัม ทั้งยังแข็งแรงและเป็นปกติดี ผิดจากที่หมอคาดไว้ ทำเอาหมองง และหมอคนดังกล่าวก็ยังเป็นคนตั้งชื่อจริงให้กับเธอด้วย 

...นอกจากจะตัดผมแล้ว พ่อเธอยังเป็นนักแต่งเพลงชื่อดังด้วย โดยก่อนที่จะมาเป็นนักแต่งเพลง เขาฝันจะเป็นนักร้องมาก่อน แต่โอกาสไม่อำนวยจึงหันไปเป็นนักแต่งเพลงแทน และในตอนแรกก็ถือว่ามีชื่อในระดับหนึ่ง เพราะเคยแต่งเพลงให้นักร้องชาวใต้หลายคน แต่ก็มีคนรู้จักไม่มาก และมาเริ่มดังตอนทำนักร้องอย่างเช่น สุดรัก อักษรทอง หรือ คม เมืองนคร แต่ชีวิตก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรมากมาย

...ในวัยเด็กเธอมีครอบครัวที่อบอุ่น เพราะพ่อ แม่ น้อง และปู่ย่าอยู่ในบ้านเดียวกัน ตอนเด็กๆ พ่อแม่ต้องออกไปทำงาน ตอนกลางวันเธอจึงอยู่กับปู่ย่าเสียเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเรียนหนังสือจนถึงจนป. 5 พ่อก็แยกครอบครัวออกมาอยู่กันเองที่ตลาดเกษตร ในตัวเมืองสุราษฎร์ฯ ต่อมาแม่เธอหันมาขายข้าวแกง ด้วยความที่เป็นเด็ก ทำให้เธอรู้สึกเกลียดชีวิตที่ทั้งบ้านอบอวลไปด้วยกลิ่นแกงตั้งแต่เช้ามืด ถึงขนาดคิดว่าจะเรียนให้สูงๆ เพื่อ จะได้ไม่ต้องมาขายข้าวแกงแบบนี้อีก 

...โดยส่วนตัวแล้ว ตอนแรกเธอไม่ค่อยสนใจวงการเพลง เธอคิดว่าเมื่อเรียนจบก็จะหันไปทำอาชีพค้าขาย หรือไม่ก็จัดรายการวิทยุ ไม่ได้คิดจะร้องเพลง เพราะรู้ตัวดีว่าเสียงไม่ค่อยดี แหบๆ ห้าวๆ ไม่น่าฟัง 

...ต่อมา ตอนเธออยู่ ป.6 ร้านข้าวแกงเริ่มอยู่ไม่รอด พ่อก็เลยตัดสินใจขายทุกอย่าง และพาครอบครัวมาตายเอาดาบหน้าที่เมืองหลวง โดยเข้ามาเช่าบ้านอยู่ย่านราษฎร์บูรณะ ตัวหัวหน้าครอบครัวไปสมัครเป็นช่างตัดผม ส่วนแม่อยู่บ้าน พับถุงขาย และตัดขี้ด้ายบ้าง ความเป็นอยู่เริ่มขัดสนหนัก เพราะหารายได้ได้น้อย บางวันต้องกินข้าวต้มแทนข้าวสวย หรือกินมาม่าต้มกับข้าว ชีวิตเป็นแบบนี้อยู่เกือบปี

...จากนั้น โชคก็เข้าข้างครอบครัวของเธอ เมื่อเพลง “ทหารใหม่ไปกอง” ที่พ่อเธอแต่งให้ ยอดรัก สลักใจเกิดดังขึ้น และเป็นช่วงที่ยอดรักกำลังมาแรง ทำให้เพลงนี้ดังมากๆ ก็เลยมีคนมาให้พ่อแต่งเพลงให้อีกมากมายหลายคน รายได้ก็จึงดีขึ้น ครอบครัวเริ่มจะมีเงิน

...และในช่วงนั้น เจี๊ยบ เบญจพร เริ่มที่จะเข้ามาเกี่ยวกับวงการเพลง คือมาช่วยพ่อแต่งเพลงบ้าง ช่วยห่อแผ่นเสียงเพื่อส่งให้กับนักจัดรายการวิทยุต่างจังหวัดบ้าง พอชีวิตดีขึ้นเธอก็ได้เรียนสูงขึ้น โดยเมื่อจบระดับปวช.ที่ตั้งตรงจิตพาณิชยการ แล้วก็มาต่อที่ ม.รามคำแหง คณะรัฐศาสตร์ 

...แต่ที่นี่เธอเริ่มติดเพื่อน เลยย้ายมาเช่าหออยู่กับเพื่อน พร้อมกับเปิดร้านขายกางเกงยีนส์กับเพื่อนที่หน้ารามฯ พอขายของ ได้เงินมาก ก็สนุกทำให้เริ่มไม่ไปเรียน ไม่ค่อยกลับบ้าน พอมีเงินก็ไปร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดผับที่ริมคลองประปา ไปๆมาๆเธอก็เลยเลิกเรียนไปเลย แต่เปิดร้านอยู่ได้ 4-5 ปี ธุรกิจก็เริ่มไม่ดี เงินขาดมือ ก็เริ่มไปหยิบยืมจากพ่อรวมแล้วก็เป็นแสน แต่ก็ทำให้เธอเริ่มรู้สึกว่าผิดที่ไม่เชื่อฟังพ่อ

...มีวันหนึ่งพ่อมาตามและบอกว่าจะลงใต้ จะไปเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลงกับ เอกชัย ศรีวิชัย ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ก็เลยตัดสินใจไปกับพ่อเพราะกำลังผิดหวังกับเรื่องความรัก ระหว่างนั่งรถ พ่อก็พูดว่าอายุเธอก็ 25 ปี แต่ยังเรียนไม่จบเลย และพอไปถึงวงเอกชัย เธอก็ถูกเอกชัยต่อด่าว่าไม่มีความคิด และพูดถึงความยากลำบากของพ่อแม่ และบอกว่าถ้าจะเรียนก็ไปเรียน หรือถ้าจะอยู่ที่วงกับเิอกชัยก็ได้ เขาจะดูแลเธอเอง เธอก็เลยตัดสินใจอยู่กับวงเอกชัย 

...ตอน แรกๆ ก็ช่วยงานทั่วไป แต่ต่อมาก็หัดร้องเพลง โดยเพลงที่ร้องคือ เพลง หัวแตก ของฌามา พอร้องได้ก็อัดเทปกับค่ายเมโทรชุดแรกชื่อ หัวแตก ปรากฏว่าล้มเหลว แต่ถึงแม้เพลงไม่ได้เงินและไม่มีใครรู้จัก เธอก็เริ่มสนุก ต่อมาก็ทำชุด สาวเทคนิค โดยเอาเพลงฌามามาร้องอีก แต่เป็นสไตล์ลูกทุ่ง ชุดนี้เริ่มประสบผลสำเร็จ ผู้คนเริ่มรู้จัก เจี๊ยบ เบญจา ซึ่งเป็นชื่อในตอนนั้น เธอออกเดินสายกับเอกชัยจนทั่วภาคใต้ จนมีเงินส่งให้ที่บ้านเดือนละ 3 หมื่นบาท

...ต่อมาเอกชัยมีปัญหากับผู้จัดการก็เลยหยุดวง ...เธอจึงไปเปิดร้านกับเพื่อนในแบบเพื่อชีวิต กลางวันทำ เรื่องลิขสิทธิ์กับพ่อ กลางคืนไปช่วยที่ร้านและขึ้นร้องเพลงบ้าง ต่อมาเฮียจั๊ว หรือ เกรียงไกร เชษฐโชติศักดิ์ ไปพูดกับพ่อซึ่งตอนนั้นทำงานให้อาร์สยาม โดยชวนให้เธอมาทำเพลงแนวใต้ พ่อเลยเอาเพลงชุด อายเจ้าสาว ที่อัดไว้ไปเสนอ ทางเฮียจั๊วฟังแล้วก็ชอบใจ ก็เลยให้เซ็นสัญญา 5 ปี และเปลี่ยนชื่อเป็น เบญจพร 

...หลังงานชุดนี้วางแผง 3 เดือนแรก ยอดเทปแทบไม่กระดิก แต่อยู่ๆมา ยอดก็เริ่มเข้ามาได้อย่างน่าประหลาดใจ ซึ่งเธอก็คิดว่าน่าจะเป็นที่ความแปลก เพราะตอนนั้น ตลาดใต้มีนักร้องหญิงมีคนเดียว คือ ดวงจันทร์ สุวรรณี ซึ่งร้องสไตล์หวานๆ แต่ของ เจี๊ยบ เบญจพร เป็นแบบโจ๊ะๆ ห้าวๆ

...ต่อมา เธอก็ออกอัลบั้ม แพ้คนสวยกว่า แต่ชุดนี้มีปัญหาลิขสิทธิ์ เพลงจึงไม่ได้ออกอากาศ เพราะพ่อเธอแต่งเพลงให้เธอร้อง และให้บริษัทโปรโมต แต่กลับเอาลิขสิทธิ์เพลงไปให้อีกบริษัทหนึ่งจัดเก็บ เพราะเป็นบริษัทเพื่อนกัน จนสุดท้ายมีการคุยกันอย่างเปิดอก และตกลงที่จะทำเพลงกันต่อ จนเกิดอัลบั้มล่าสุด ลูกไก่ในใจเธอ ซึ่งมีเพลง หลง ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก และทำให้เธอมีชื่อเสียงอยู่จนถึงปัจจุบัน

 

ผลงานเพลง

ชุด หัวแตก

ชุด สาวเทคนิค(ออกคู่กับเอกชัย ศรีวิชัย)

สาวเทคนิค, โสน - สะเดา, ขวัญเรียม, ลิเกชีวิต, มนต์รักอสูร, มะนาวไม่มีน้ำ

ชุด อายเจ้าสาว

ชุด แพ้คนสวยกว่า

ชุด ลูกไก่ในใจเธอ

หลง, เอาใจไปทิ้งทะเล, ลูกไก่ในใจเธ, รักบริสุทธิ์, สาวสวนยาง, อยากให้เธอรักฉันนานๆ, พี่หลวงเขาให้, คนรักหาย, เรือจ้างในใจ, ลูกสาวชาวเล

ชุด ขอบคุณอย่างแรง (อัลบั้มพิเศษ) ของ หลวงไก่ (13 ต.ค.2548)

หลบมาบ้านเรา(ซาง ซาไก ) ร้องคู่ หลวงไก่

ชุด อัลบั้มเพลงคู่ อาร์สยาม 5 ปีทอง พี่น้องร้องเพลงรัก ชุดที่ 1 (8 มี.ค.2550)

บินหลาดง (ซาง ซาไก) ร้องคู่กับหลวงไก่

ชุด นิราศรักล่องใต้ (26 เม.ย.2550)